สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 2

ชื่อโรงเรียน บ้านเหนือคลอง ตั้งอยู่เลขที่ 115 หมู่ที่ 8 ตำบลบางกุ้ง อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง รหัสไปรษณีย์ 92210 e-mail Nuerklong๙@gmail.com ผู้บริหารโรงเรียน นางสาววรรณา คล้ายฉิม เบอร์โทรศัพท์ 081-3881973 เปิดสอนในระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 – ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวนครูและบุคลากรทั้งหมด 11 คน จำแนกเป็น ข้าราชการครู 7 คน ครูอัตราจ้าง 2 คน บุคลากรสนับสนุนอื่น ๆ จำนวน 2 คน จำนวนนักเรียน 76 คน จำแนกเป็นระดับอนุบาล 23 คน ระดับประถมศึกษา 53 คน

โรงเรียนดำเนินการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับการพัฒนาการคุณภาพของเด็ก โดยได้จัดทำโครงการพัฒนาคุณภาพเด็กระดับปฐมวัย โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย โครงการกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โครงการโรงเรียนคุ้มครองเด็ก โครงการอาหารกลางวันและอาหารเสริมนม กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพอนามัยและสุขนิสัยที่ดี กิจกรรมการแข่งขันกีฬา กรีฑา เครือข่ายสถานศึกษาเสมาสามัคคี เข้าร่วมเป็นโรงเรียนเครือข่ายทางการเรียนรู้ด้านวิชาการกับทางมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช จัดการเรียนรู้แบบโครงการบนฐานการอ่าน คิด วิเคราะห์ เขียนเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาโรงเรียนขนาดเล็ก ครูมีวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice)ใช้นวัตกรรม การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ด้วยวิธีการ Active Leaning เรื่องการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ แบบโครงการ Project Approach “ส้ม” จัดกิจกรรมตามกิจวัตรประจำวัน จัดประสบการณ์ที่ครอบคลุมพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์-จิตใจ ด้านสติปัญญาและด้านสังคม ผ่านกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรม เน้นการปฏิบัติจริงและการเรียนรู้ปนการเล่น จัดสภาพแวดล้อมภายในให้เอื้อต่อการเรียนรู้และส่งเสริมให้มีนิสัยรักการอ่าน

เด็กมีพัฒนาการด้านร่างกายที่สมบูรณ์ แข็งแรง มีน้ำหนัก ส่วนสูงตามเกณฑ์มาตรฐาน เคลื่อนไหวร่างกายคล่องแคล่ว ว่องไว ทรงตัวได้ดี มือและสายตาประสานสัมพันธ์กัน ดูแลรักษาสุขภาพอนามัยส่วนตนและปฏิบัติจนเป็นนิสัย ปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับความปลอดภัย หลีกเลี่ยงสภาวะที่เสี่ยงต่อโรค สิ่งเสพติดและระวังภัยจากบุคคล สิ่งแวดล้อมและสถานการณ์ที่เสี่ยงอันตราย พัฒนาการด้านอารมณ์ เด็กร่าเริง แจ่มใส มีจิตใจเหมาะสมตามวัย ควบคุม และแสดงออกทางอารมณ์ได้ พัฒนาการด้านสังคม รู้จักช่วยเหลือตนเองในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน และเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม พัฒนาการด้านสติปัญญา มีทักษะการคิดพื้นฐาน แสวงหาความรู้ ทักษะการฟัง ทักษะการสังเกต ลงมือปฏิบัติจริงด้วยตนเอง วางแผน ตัดสินใจ สร้างสรรค์ผลงานได้ตามความคิดและจินตนาการและสื่อสารได้ตามวัย

เด็กปฐมวัยส่วนใหญ่มีพัฒนาการทั้ง 4 ด้านเหมาะสมตามวัย เรียนรู้จากการเรียนปนเล่นและลงมือปฏิบัติจริงโดยเฉพาะการจัดการเรียนรู้แบบโครงการ Project Approach อยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข กล้าแสดงออก รู้จักป้องกันตนเองจากภัยอันตรายโรคติดต่อ และภาวะคุกคามต่างได้เหมาะสมตามวัย

โรงเรียนจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัยที่ครอบคลุมพัฒนาการทั้ง ๔ ด้าน สอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช และบริบทของท้องถิ่น ซึ่งการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัยเปิดโอกาสให้ครู ผู้ปกครอง นักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ ดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพนักเรียนระดับปฐมวัยและโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย โดยการออกแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญตามเทคนิคการจัดการเรียนรู้แบบต่างๆ เช่น การเรียนรู้ผ่านการเล่น การปฏิบัติจริง โครงงาน การทดลอง จัดการเรียนรู้แบบ โครงการ Project Approach จัดครูที่มีวุฒิทางการศึกษาสาขาวิชาเอกการศึกษาปฐมวัย ดำเนินโครงการพัฒนาครูและบุคลากรให้มีประสิทธิภาพ โดยการส่งเสริมให้ครูมีความเชี่ยวชาญด้านการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ และการนิเทศภายในโยใช้การนิเทศภายในแบบพลังร่วมสู่สถานศึกษา ๕ G : เก่ง คิด ดี สุข พอเพียง ดำเนินโครงการพัฒนาอาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อม เช่น จัดสภาพแวดล้อมแหล่งเรียนรู้ภายในให้มีความหลากหลาย ปลอดภัย สื่อการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับหน่วยการเรียนรู้และเพียงพอ จัดหาคอมพิวเตอร์ สื่อเทคโนโลยีที่สนับสนุนการจัดประสบการณ์ เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ผู้บริหารนำรูปแบบการบริหารจัดการสร้างเสริมคุณธรรมจริยธรรม น้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน (NUEAKHLONG: MODEL) มาใช้ในการบริหารจัดการศึกษา เป็นต้น

โรงเรียนมีระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ มีหลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัยที่ครอบคลุมพัฒนาการทั้ง ๔ ด้าน สอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ บริบทของท้องถิ่นและนโยบายของหน่วยงานต้นสังกัด ครูผู้สอนสำเร็จการศึกษาในสาขาวิชาเอกการศึกษาปฐมวัยโดยตรง และได้รับการพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอผ่านการอบรม สัมมนา ศึกษาดูงาน และการนิเทศการจัดประสบการณ์การเรียนรู้จากเพื่อนครู ผู้บริหาร ครูปฐมวัยนำความรู้ที่ได้รับมาพัฒนาการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีสิ่งแวดล้อมทางกายภาพที่สะอาด ปลอดภัย เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็ก มีสื่อและเทคโนโลยีที่สนับสนุนการจัดประสบการณ์ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา

โรงเรียนมีระบบการบริหารจัดการที่มีคุณภาพเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีส่วนร่วม ในการจัดการศึกษาระดับปฐมวัย ผู้บริหารสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาชาวิชาเอกการศึกษาปฐมวัย ส่งผลให้เข้าถึงปรัชญาและหลักการจัดการศึกษาปฐมวัย ให้คำแนะนำ คำปรึกษาแก่ครูผู้สอนระดับปฐมวัยได้อเป็นอย่างดี มีการกระจายอำนาจการบริหารงานทั้ง ๔ ฝ่ายให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างชัดเจน ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น นักเรียน ผู้ปกครองและชุมชน ได้มีโอกาสรับรู้ถึงการจัดประสบการณ์ที่เน้นเด็กเป็นสำคัญและเปิดโอกาสให้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับการพัฒนาการจัดการศึกษาปฐมวัย มีการกำกับ ติดตาม ประเมินผล จัดทำรายงานผลการดำเนินงาน เป็นประจำทุกปี

โรงเรียนมีครูที่สำเร็จการศึกษาสาขาวิชาเอกการศึกษาปฐมวัยโดยตรง แต่เนื่องด้วยมีครูเพียงคนเดียวปฏิบัติหน้าที่จัดประสบการณ์การเรียนรู้ทั้ง ๓ ระดับ คือ ระดับชั้นอนุบาล ๑ - อนุบาล ๓ ส่งผลให้การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ค่อนข้างยากเนื่องจากจำนวนเด็กค่อนข้างมากและมีเด็กชาวต่างชาติด้วย อีกทั้งสื่อ เทคโนโลยี สารสนเทศ ยังมีค่อนข้างน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนเด็กปฐมวัย

จัดกิจกรรมพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยให้สนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคม เศรษฐกิจ และปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับธรรมชาติและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยมากขึ้น เพิ่มจำนวนครูผู้สอนระดับปฐมวัยให้เพียงพอ ส่งเสริมให้ครูมีวัฒนธรรมการทำงานแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) จัดกิจกรรมห้องเรียนแห่งความสุข โดยเน้นมุมต่างๆในห้องเรียนที่หลากหลาย

โรงเรียนส่งเสริมสนับสนุนให้ครูจัดประสบการณ์ที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ โดยจัดทำโครงการพัฒนาคุณภาพเด็กระดับปฐมวัย โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย โครงการกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ครูวิเคราะห์เด็กเป็นรายบุคคล จัดกิจกรรมที่สร้างโอกาสให้เด็กทุกคนได้รับประสบการณ์ตรงผ่านการเล่นและการลงมือปฏิบัติ เน้นการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เน้นการจัดการเรียนรู้แบบ โครงการ Project Approach ผู้บริหารใช้นวัตกรรมนิเทศภายในแบบพลังร่วมสู่สถานศึกษา ๕ G: เก่ง คิด ดี สุข พอเพียง เพื่อพัฒนาการจัดประสบการณ์ของครูให้บรรลุตามจุดประสงค์ ครูมีวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice)ใช้นวัตกรรม การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ด้วยวิธีการ Active Leaning เรื่องการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ แบบโครงการ Project Approach “ส้ม” ครูใช้สื่อและเทคโนโลยีเพื่อกระตุ้นพัฒนาการของเด็ก มีการประเมินพัฒนาการเด็กเป็นรายบุคคลด้วยวิธีการที่หลากหลาย เช่น การสังเกต การสอบถาม การสัมภาษณ์ การประเมินจากผลงาน ประเมินจากสภาพจริง เป็นต้น นำผลมาพัฒนาการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อให้เด็กเพื่อบรรลุตามเป้าหมายที่สถานศึกษากำหนด

ครูจัดประสบการณ์ให้เด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้สื่อการเรียนรู้ที่หลากหลายกระตุ้นการเรียนรู้ของเด็กส่งผลให้ ให้เด็กมีพัฒนาการทั้ง ๔ ด้านเหมาะสมตามวัยเป็นไปตามเป้าหมายที่สถานศึกษากำหนด ครูรู้จักเด็กเป็นรายบุคคล มีการจัดกิจกรรมที่สร้างโอกาสให้เด็กทุกคนได้รับประสบการณ์ตรง การปฏิบัติจริง จัดบรรยากาศภายในห้องเรียนและนอกห้องเรียนที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ครูประเมินผลพัฒนาการเด็กตามสภาพจริงด้วยวิธีการที่หลากหลาย

ครูจัดบรรยากาศภายในห้องเรียนและนอกห้องเรียนที่เอื้อต่อการเรียนรู้ มีการประเมินพัฒนาการเด็กตามสภาพจริงด้วยวิธีการที่หลากหลาย เปิดโอกาสให้ เด็กและผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการประเมินพัฒนาการตามความเหมาะสม และนำผลการประเมินพัฒนาการเด็กไปปรับปรุงการจัดประสบการณ์และพัฒนาเด็กในทุก ๆ ด้านอย่างต่อเนื่อง

การจัดประสบการณ์ที่ส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการทุกด้านอย่างสมดุล โดยการใช้วิธีการจัดประสบการณ์ให้หลากหลายสนองความต้องการของเด็ก ครูแสวงหาความรู้เทคนิควิธีการสอนจากการอบรม ประชุม สัมมนาให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากครูมีประสบการณ์ในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ค่อนข้างน้อย

จัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพครูรูปแบบครบวงจรให้มีความเชี่ยวชาญในการจัดประสบการณ์ ในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น Active Learning BBL : Brain Based Learning การสอนแบบโครงการ (Project Approach) ไฮสโคป (High Scope) การจัดประสบการณ์แบบมอนเตสซอรี่ และร่วมชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) พัฒนาครูให้ทำการวิจัยในชั้นเรียน เพื่อนำผลของงานวิจัยนั้นไปพัฒนาการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น